จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำบีทรูท

             
                บีทรูท หัวผักกาดที่อยู่ใต้ดินชนิดหนึ่ง มีทรงกลมป้อม เปลือกดำ เนื้อสีแดงเลือดหมู หรือม่วงแดง เมื่อปอกสีจะติดมือ เป็นผักเมืองหนาว ต้นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Betavalgaris ปัจจุบันนี้บีทรูทสามารถปลูกได้ในแถบภาคเหนือของไทย ในบีทรูท 2 หัวขนาดกลาง มีสารอาหารหลายชนิดคือ แคลเซียม 14 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 23 มิลลิกรัม โซเดียม 43 มิลลิกรัม โปแตสเซียม 208 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม วิตามินเอ 20 I.U. และวิตมินบีรวม สารสีแดงในหัวบีทรูท คือ เบทานิน (betanin) เป็นกรดอะมิโนที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง น้ำบีทรูทจึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะรักษามะเร็ง นอกจากนั้นยังช่วยทำให้เลือดลมดี และการไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น


                           ที่มา : http://www.lovefitt.com/healthy-fact/%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%97-%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%94-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C/

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำมะกรูด



             สรรพคุณทางยา ในน้ำมะกรูด มีกรดซิตริก เป็นสารหลัก คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอาซิน วิตามินซี 
น้ำมะกรูด มีรสเปรี้ยวแก้น้ำลายเหนียว แก้ปวดท้อง แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน บีบน้ำมะกรูดลงคอ 5-6 หยด ทุก 5-10 นาที แก้ไอช่วยละลายขับเสมหะ ฟอกเลือด การนำมาใช้เพื่อขับลม เราจะต้องฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็กๆ เติมการบูรหรือพิมเสน ชงในน้ำเดือดแช่ทิ้งไว้ ดื่มแต่น้ำ ใช้สระผม ผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น สระผมเสร็จแล้ว เอามะกรูดสระซ้ำ หลังจากนั้น ล้างผมออกให้หมด หรือจะใช้ผลมะกรูดเผาไฟผ่าซีก สระผมช่วยบำรุงผมให้ดกดำเป็นเงางามการใช้มะกรูดนวดแทนยานวดผมยังบำรุงรากผมไม่ทำให้ร่วงง่าย ไม่หงอกเร็ว ผมลื่นหวีง่าย และยังมีฤทธิ์ทำลายเชื้อราที่หนังศรีษะ จะรักษาชันนะตุอีกด้วย
ผิวผลสดและผลแห้ง รสปร่า หอมร้อน สรรพคุณแก้ลมหน้ามืด แก้วิงเวียน บำรุงหัวใจ ขับลมลำไส้ ขับระดู
ราก รสเย็นจืด แก้พิษฝีภายใน แก้เสมหะ แก้ลมจุกเสียด
- ใบ รสปร่าหอม แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้ช้ำใน มีสารต้านมะเร็ง และดับกลิ่นคาว
คนไทยใช้ผิวมะกรูดเป็นเครื่องเทศผสมในเครื่องแกง หลายชนิดของแกงเผ็ดและผัดเผ็ด ใส่ในน้ำพริก (ขนมจีน) น้ำมะกรูดมีรสเปรี้ยว ใช้ปรุงอาหาร ดับกลิ่นคาว นิยมใส่น้ำมะกรูดในปลาร้าหลน ใส่แกงส้ม แกงเทโพ ใบมะกรูดโดยการฉีกหรือหั่นฝอยเพื่อกลบคาวหรือแต่งกลิ่นแกงเผ็ด ผัดเผ็ด ฉู่ฉี่ปลา แกงต้มส้ม ต้มยำ ห่อหมก ตำขนุน ข้าวยำปักษ์ใต้ ใส่ในเครื่องแกงทำทอดมันปลากราย ใช้ปรุงอาหารหลายอย่าง เช่น ต้มยำ แกงเผ็ด ทอดมัน ใช้โรยหน้าอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วเพื่อแต่งกลิ่น เช่น โรยหน้าข้าวเหนียวหน้ากุ้ง 

น้ำสมูทตี้เผือก


              สรรพคุณประโยชน์ของเผือก ชื่อวิทยาศาสตร์ของเผือก คือ Colocasia esculenta เผือกนั้นเป็นพืชชนิดหัว หัวจะอยู่ใต้ดิน ปกติมีหัวใหญ่อยู่หัวหนึ่งและจะมีรากที่แตกแขนงออกไป มีหัวเล็กๆ อีกหลายหัว เรียกว่า ลูกเผือก ส่วนหัวใหญ่ มีลักษณะอ้วนป้อม เมื่อนึ่งจนสุกเนื้อจะร่วนซุย มีกลิ่นหอม การเลือกเผือกให้เลือกเผือกที่หัวมีน้ำหนัก เปลือกสด หัวจุกมีสีเขียวสด และเผือกจะต้องมีการเตรียมอย่างดีเพื่อไม่ให้คัน คือ ต้องล้างเผือกทั้งหัว เช็ดให้แห้งปอdเปลือกออกให้หนา เพื่อเอาสารที่ชื่อว่า แคลเซียมออกซาเลตที่อยู่ใต้เปลือกออกไป เพระสารนี้ทำให้คัน แต่จะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน
 
คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณของเผือก
เนื้อของเผือกมีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ช่วยในการขับเสมหะ ปรับกระเพาะอาหารให้อยู่ในสภาพปกติ ช่วยบำรุงไต และขับพิษในข่องท้อง


ที่มา : http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=2113&sub_id=92&ref_main_id=12





น้ำมะยงชิด



                   มะยงชิด เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับมะปราง ผลดิบมีรสชาติเปรี้ยว ผลสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว ขนาดของผลจะมีขนาดใหญ่กว่ามะปรางหวาน เวลารับประทานจะไม่ทำให้เกิดอาการคันคอ ผลสุกจะมีสีออกเหลืองอมส้ม สามารถนำมาทำเป็นน้ำ น้ำมะยงชิดดื่ม จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากมีวิตามินซีสูง มีกากใยอาหารมาก ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนั้นน้ำมะยงชิดยังมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต, วิตามินเอ, วิตามินซี และ แคลเซียม น้ำมะยงชิดได้เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีวิตามินซีสูง มีกากไยอาหารมาก ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี


                                                                             ที่มา : http://www.juegoxbox.com/tag/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%A1-%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82/

น้ำสตรอเบอร์รี่



                ประโยชน์ของน้ำสตรอเบอร์รี่ นอกจากจะดูแลในเรื่องผิวพรรณแล้ว ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่ ยังมักจะนำไปทำอาหารต่าง ๆ ที่แสนอร่อยอีกด้วย อาทิเช่น ไอศกรีม ขนมอบแห้ง เค้ก ฯลฯ และสตรอเบอร์รี่ ก็ยังช่วยรักษาโรคทำให้เราสุขภาพดี ช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่จะเกิดจากอนุมูลอิสระและการขาดสารอาหารบางชนิด และเมื่อเราอายุมากขึ้นดวงตาของเรายิ่งถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายความแก่ชราจะทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพ แต่สตรอเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดังกล่าว แถมยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติอีกด้วย  ช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ เมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งานนาน ๆ เข้า กล้ามเนื้อของเราก็มีแต่จะถดถอยของเหลวบริเวณข้อต่อกระดูก็จะเหือดแห้งลงไปเรื่อย ๆ และร่างกายก็สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกเอาไว้มากขึ้น ๆ ทำให้โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ถามหา แต่อย่าห่วงไปเพราะเราสามารถขับไล่โรคทั้งสองได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสรรพคุณล้างพิษในสตรอเบอร์รี่


ที่มา : http://www.n3k.in.th/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88



น้ำผลไม้รวม

             
                    น้ำผัก น้ำผลไม้ เป็นน้ำที่อร่อยดื่มได้ง่าย ยังอดุมไปด้วยวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินเอ โฟลิคแอซิคและแร่ธาตุ เช่นโซเดียม โปแตสเซียม สังกะส ในน้ำผัก น้ำผลไม้ยังมีส่วนผสมของน้ำตาลโดยธรรมชาติไปถึงน้ำตาลที่มีการเติมลงไป ซึ่งสามารถให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยให้เราหายเหนื่อยหายเพลีย ทำให้ร่างกายสดชื่นสดใส   ในน้ำผลไม้สดๆ จะอุดมไปด้วยเอ็นไซม์ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารจึงส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เอ็นไซม์จากพืชนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการ Electrolytes ซึ่งจะช่วยให้ของเหลวไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และมีประสิทธิภาพ
ถ้าในแต่ละวัน คุณดื่มน้ำผลไม้ให้ได้สัก 2 ชนิด ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นมากมาย ทั้งสารแอนตี้ - อ๊อกซิแดนท์ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยขับสารพิษ เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันภาวะการอักเสบ และสร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอก น้ำผลไม้ยังช่วยในเรื่องของการทำให้สะอาด ย่อย และขจัดของเสีย นอกจากนั้นกรดที่มีอยู่ในพืช สารเพคติน และเอ็นไซม์ ยังช่วยรักษาความสมดุลของความเป็นกรดและด่างอีกด้วย
ในยามที่ร่างกายเจ็บป่วย น้ำผลไม้ก็เป็นเครื่องดื่มที่ย่อยง่าย และช่วยเสริมกำลังวังชาให้กับผู้สูงอายุ หรือคนที่รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อีกทั้งช่วยให้คนไข้หลังผ่าตัดฟื้นตัวได้เร็วขึ้น


                  ที่มา : http://iam.hunsa.com/milkshake6302/article/4186

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

น้ำแอปเปิ้ล

                แอปเปิ้ลมีสารสำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ คือ เพคตินมีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริกช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสรและฆ่าเชื้อไวรัส


ที่มา : http://www.n3k.in.th/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A5

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

                                                                              น้ำลูกเดือย


สรรพคุณ / ประโยชน์ของลูกเดือย

ในตำรายาจีนบอกไว้ว่า ลูกเดือย ซึ่งมีรสจืดนั้นมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยบำรุงกำลัง หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงปอด ม้าม ตับ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ท้องเสีย แก้ทางเดินหายใจ เหน็บชา แก้ปวดเข่า ปวดข้อ ไขข้ออักเสบ แก้ชักกระตุก บวมน้ำ ปอดอ่อนแอไอเป็นเลือด ฝีที่ลำไส้ แก้อาการ ตกขาวผิดปกติ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงเส้นผมและผิวหนัง แก้ร้อนในกระหายน้ำ ลดการเกิดกระ รักษาโรคหูด ลดการ เกิดมะเร็ง เพราะมีสารคอกซีโนไลด์ (coxenolide)ที่มีสรรพคุณในการยับยั้งการเกิดเนื้องอก

ลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีปริมาณโปรตีน 13.84% คาร์โบ-ไฮเดรต 70.65% เยื่อใย 0.23% ไขมัน 5.03% แร่ธาตุต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะฟอสฟอรัสซึ่งช่วยบำรุงกระดูกมีอยู่ในปริมาณสูงรวมทั้งวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 โดยเฉพาะวิมามินบี 1 มีในปริมาณ มาก (มีมากกว่าข้าวกล้อง) ซึ่งช่วยแก้โรคเหน็บชาด้วย


ที่มา : http://herbal.muasua.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A2.html


วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

                                                                            น้ำมะตูม

คุณค่าทางยา :  เป็นยาระบาย ขับลม แก้ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุ ทำให้ขับถ่ายดี และเจริญอาหาร ขับเสมหะ แกร้อนใน ดื่มแล้วจะทำให้ชุมคอแก้กระหาย ผลโตเต็มที่ของมะตูมนั้นฝานเป็นชิ้นบางๆ ตากแห้งคั่วให้เหลือง ชงรับประทาน แก้ท้องเดิน ท้องเสีย ท้องร่วง โรคลำไส้เรื้อรังในเด็ก ส่วนผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก - น้ำมาเชื่อมรับประทานต่างขนมหวาน จะมีกลิ่นหอม และรสชวนรับประทาน บำรุงกำลัง รักษาธาตุ ขับลม ผลสุก สามารถรับประทานต่างผลไม้ เป็นยาระบายท้อง และยาประจำธาตุของผู้สูงอายุ ที่ท้องผูกเป็นประจำ ใบสามารถนำไปใส่แกงบวช เพื่อเป็นการแต่งกลิ่นได้ รากนั้นสามารถแก้หืด หอบ แก้ไอ แก้ไข้ ขับลม แก้มุตกิต

   ที่มา : http://healthfood.muslimthaipost.com/main/index.php?page=view&category=23&id=19030 , http://herbal.muasua.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%A1.html

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

                                                         น้ำกระเจี๊ยบ


น้ำกระเจี๊ยบ : มีสรรพคุณทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดีน้ำกระเจี๊ยบยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันอีกทางหนึ่ง ช่วยย่อยอาหาร เพราะไม่เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะ เพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพราะมีกรดซีตริคอยู่ด้วย
คุณค่าด้านอาหารของน้ำกระเจี๊ยบแดง : น้ำกระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้ และยังนำมาทำขนมเยลลี่ แยม หรือใช้เป็นสารแต่งสี ใบอ่อนของกระเจี๊ยบเป็นผักได้ หรือใช้แกงส้ม รสเปรี้ยวกำลังดี กระเจี๊ยบเปรี้ยวมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ส้มพอเหมาะ” ในใบมี วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ส่วนกลีบเลี้ยงและกลีบดอก มีสารแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
    ที่มา: http://www.healthdd.info/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%8A%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%94/